วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การทำยาสีฟันสมุนไพร

การทำยาสีฟันส มุนไพร มีส่วนประกอบดังนี้
1.เกลือสะตุ 6 ขีด (คือเกลือที่คั่วไฟจนสุกแล้ว)
2.สารส้มสะตุ 16 กรัม (คั่วจนสุกแล้ว)
3.ดินสอพอง 250 กรัม
4.ใบฝรั่งตากแห้ง(บด) 40 กรัม
5.ใบข่อยตากแห้ง(บด) 20 กรัม
6.การบูร(บด) 20 กรัม
7.พิมเสน(บด) 15 กรัม
8.ชะเอม,อบเชย 3 ช้อนโต๊ะ
9.กานพลู 15 กรัม

วิธีการทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดยกเว้น พิมเสน ผสมให้เข้ากันร่อนตะแกรงถี่ๆ หลังจากนั้นนำพิมเสนลงคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำไปบรรจุถุง หรือขวด ก็สามารถนำไปใช้ได้

สรรพคุณ
ช่วยให้ปากสะอาด ป้องกันฟันผุ ใบฝรั่งและใบข่อยช่วยขัดฟันให้ขาวสะอาด และช่วยลดกลิ่นปากได้เป็นอย่างดี

หมายเหตุ ไม่ควรนำพิมเสนไปผสมพร้อมกันกับการบูร เพราะจะทำให้จับตัวกันเป็นก้อน ควรนำมาคลุกเคล้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : พ่ออินผ่อง แก้วดำ เกษตรกรผสมผสาน ศูนย์เรียนรู้ฯ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โทร.087-5779340

ที่มา : ศูนย์ทางด่วนข้อมูลทางการเกษตร*1677
สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.เชียงราย

สูตรทำน้ำยาปรับผ้านุ่ม

สูตรที่1

วัตถุดิบ
1. หัวน้ำยาปรับผ้า นุ่ม 1 กิโลกรัม
2. กัว กัม 1 ขีด
3. น้ำ 15 กิโลกรัม
4. น้ำ หอม 2.5 ออนซ์
5. สี ตามต้องการ

วิธีทำ
เอาน้ำเย็น 5 กิโลกรัม ละลายกัวกัม(ค่อยๆใส่ทีละน้อยแล้วคนจนหมด) แล้วเอาน้ำยาปรับผ้านุ่มใส่ลงไปคนให้เข้ากันค่อยๆเท
น้ำร้อน 10 กิโลกรัม ตามลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นปล่อยให้เย็น แล้วค่อยใส่น้ำหอมและสีตามต้องการ

ที่มา : http://www.geocities.com/y2teams/FORMULA/CLOTH_CONDITIONER/cloth_conditioner.html


สูตรที่ 2

ส่วนผสม

1 SOFTEX-A 1 กก.  
2 น้ำสะอาด 15 กก.
3 น้ำหอม 2.5 ออนซ์ (จำหน่ายเป็นออนซ์)
4 สี พอประมาณ

วิธีทำ
นำน้ำ 15 กก. ตั้งไฟให้เดือด จากนั้นค่อยๆใส่ SOFTEX-A ลงไปอย่างช้าๆพร้อมกับคนไปด้วย (ใส่ทีละมากๆจะเป็นก้อน) คนจนจนหมดแล้วยกลงจากเตา
ทิ้งให้อุ่นๆจึงใส่กลิ่นและสีตามต้องการ ถ้าใส่กลิ่นขณะร้อนเกินไปกลิ่นจะระเหยหมด

ที่มา : http://www.archeep.com/chemistry/chem_fablic_softener_2.htm

วิธีการทำพิมเสนน้ำ

อุปกรณ์และขั้นตอนการทำพิมเสนน้ำ

1.พิมเสน 1 ส่วน

2.การบูร 2 ส่วน

3.เมลทอล 3 ส่วน

4.น้ำมันยูคาลิปตัส นิดหน่อย

4.ครกบดยา

วิธีทำ

นำพิมเสนใส่ครกตำให้ละเอียด จากนั้นใส่การบูรตามลงไปตำให้ละเอียด แล้วใส่เมลทอลตามลงไปคนให้เข้ากันเมลทอลจะเป็นตัวทำละลาย หากยังมีตะกอนหรือละลายน้อยก็ใส่เมลทอลตามลงไปอีกนิดหน่อยคนให้ละลายให้หมด แล้วใส่น้ำมันยูคาลิปตัสลงไป มากน้อยตามใจชอบลองดมกลิ่นดู หากจะทำเป็นยาหม่องน้ำก็เติมน้ำมันละกำกับน้ำมันเปปเปอร์มินต์ลงไป

ประโยชน์ของพิมเสนน้ำ

ช่วยทำให้ชื่นใจ แก้เป็นลม เป็นต้น แต่ไม่ควรดมมากเพราะอาจทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบหรือประสาทการรับรู้กลิ่นเสียได้

ส่วนประกอบของพิมเสนน้ำแต่ละอย่าง คือ พิมเสน การบูร เมลทอล เป็นอย่างไร ไช่สมุนไพรหรือไม่

หลายคนคงมีคำถามเกิดขึ้นในใจ

ต้องตอบว่าไช่ครับเพราะส่วนประกอบแต่ละชนิดก้สกัดมาจากสมุนไพรครับ

พิมเสน

พิมเสน เป็นชื่อของต้นพืช มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าPogostemon calslin (Blanco) Benth. ในวงศ์ Labiatae ลักษณะเป็นพืชขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรง ใบเดี่ยวออกตรงข้าม ใบรูปไข่ ขอบใบจักเป็นซี่ มีขนหนาแน่น ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและที่ยอด ผลแข็ง รูปรี ขนาดเล็ก บางถิ่นเรียกว่าผักชีช้าง ภาคใต้เรียกว่าใบหลม หรือใบอีหรม

เนื่องจากภาษาอังกฤษเรียกว่า patchouli น้ำมันพิมเสนได้จากการกลั่นกิ่งและใบต้นพิมเสน จึงมีชื่อเรียกว่า น้ำมันแพตชูลี นิยมใช้ปรุงเป็นน้ำหอม แต่งกลิ่นสบู่ ใช้ผสมน้ำอาบเพื่อระงับกลิ่นตัว โบราณใช้แต่งกลิ่นขี้ผึ้งสีปาก ในทางยาใช้ทาแก้ปวด ต้นพิมเสนเป็นส่วนผสมหนึ่งในตำรับยาหอม ตำรับยาแก้ไข้ ใบสดต้มน้ำดื่มแก้ปวดประจำเดือน ยาชงจากยอดแห้งและรากดื่มเป็นยาขับปัสสาวะและขับลม ผงใบใช้เป็นยานัตถุ์และเป็นยาทำให้จาม กิ่งและใบแห้งใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าทำให้มีกลิ่นหอมและช่วยป้องกันแมลงมากัดเสื้อผ้า

นอกจากนี้ยังมีพิมเสนอีกชนิดหนึ่ง คือพิมเสนในธรรมชาติที่พบแทรกอยู่ในเนื้อไม้ของพืช เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูงได้ถึง 70 เมตร มีกิ่งก้านสาขา ใบเป็นใบเดี่ยว ใบที่อยู่ตอนบนของต้นเรียงแบบสลับ ส่วนใบที่อยู่ตอนล่างออกตรงข้าม ใบรูปไข่ ขอบใบเรียบ ใบอ่อนสีแดง ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและซอกใบ ผลเป็นผลแห้งมีปีก มี 1 เมล็ด พิมเสนที่พบมีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ สีขาวขุ่นหรือแดงเรื่อๆ มีกลิ่นหอมเย็น ฉุน พิมเสนบริสุทธิ์จะเป็นรูปหกเหลี่ยม ละลายในปิโตรเลียมอีเทอร์ เบนซิน

ตามตำราประมวลหลักเภสัชฯ ท่านจัดพิมเสนเป็นธาตุวัตถุ ได้จากการนำการบูรมาหุงกับยาอื่นๆ ได้เป็นเกล็ดแบนๆ สีขาว หรือสีแดงเรื่อๆ แต่ปัจจุบันได้จากการสังเคราะห์ซึ่งจะมีรสเผ็ดกัดลิ้น ถ้าเป็นของแท้จากธรรมชาติจะไม่กัดลิ้นแต่จะทำให้เย็นปากคอ สมัยก่อนใส่ในหมากพลู แพทย์แผนโบราณใช้เป็นยาขับเหงื่อ ขับเสมหะ กระตุ้นการหายใจ กระตุ้นสมอง บำรุงหัวใจ ใช้เป็นยาระงับความกระวนกระวาย ทำให้ง่วงซึม ถ้าใช้เกินขนาดอาจทำให้อาเจียน

การอบสมุนไพรใช้พิมเสนเป็นส่วนประกอบในตัวยา พิมเสนซึ่งระเหิดเมื่อถูกความร้อน มีกลิ่นหอม ใช้แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ แก้โรคผิวหนัง ผสมในลูกประคบเพื่อช่วยแต่งกลิ่น มีฤทธิ์แก้พุพอง แก้หวัด นอกจากนี้ยังผสมอยู่ในยาหม่อง น้ำอบไทย ในยาหอมจะมีใบพิมเสนและพิมเสนผสมอยู่ด้วย สมัยก่อนพิมเสนเป็นยาที่หายาก มีราคาแพง จึงมีคำพูดที่ว่า อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ

ในตำรายาไทยบอกไว้ว่า พิมเสนการบูรช่วยให้นอนหลับสนิท แต่คนชอบเอาไปใส่ในรถ นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถชนกัน ดังนั้นห้ามใช้ในรถเด็ดขาด พิมเสนน้ำใช้ดมแก้หวัด บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ เมารถ เมาเรือ บรรเทาอาการบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก

การทำยาหม่องและธูปหอมกำยาน

ยาหม่อง

ลักษณะและสรรพคุณของเครื่องปรุงแต่ละชนิดในการทำยาหม่อง

1.เกล็ดพิมเสน สกัดจากต้นและใบพิมเสน มีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ สีขาวขุ่น

สรรพคุณ : มีกลิ่นหอมเย็น ใช้สูตรดมแก้ลมวิงเวียน ทาภายนอกแก้เคล็ดขัดยอก นอกจากนั้นยังใช้ผสมในน้ำอบไทยและลูกประคบอีกด้วย



2.การบูร ได้จากการสกัดเปลือกจากต้นและเนื้อไม้ ซึงการบูรจะมีลักษณะเป็นเกล็ด เม็ดเล็กๆสีขาว

สรรพคุณ : มีกลิ่นหอม แก้ปวดท้อง แน่นท้อง และแก้ปวดเมื่อยตามตัว



3.น้ำมันสะระแหน่และเมนทอล หรือเกล็ดสะระแหน่ สกัดโดยการกลั่นจากสะระแหน่ จะได้น้ำมันสีขาวใส

สรรพคุณ : มีกลิ่นหอมเย็น ใช้สูดดมแก้วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย และแก้อ่อนเพลีย



4.บีแวกซ์หรือขี้ผึ้งเหนียว มีความอ่อนตัวมากว่าพาราฟิน และมีสีเหลืองอ่อนๆ



5.พาราฟิน มีกลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาว



6.วาสลีน มีลักษณะเป็นครีมสีขาว



7.น้ำมันกานพลู สกัดโดยการกลั่นจากดอกกานพลู

สรรพคุณ : มีกลิ่นหอม เผ็ดร้อน แก้ปวดท้องและขับเสมหะ



8.น้ำมันอบเชย ได้จากเปลือกของแขนงต้นอบเชย นำมาตากแห้งแล้สกัดเป็นน้ำมัน

สรรพคุณ : มีกลิ่นหอม แก้จุกเสียดขับลม



9.น้ำมันคาร์เนชั่น ทำจากน้ำมันกานพลูมีลักษณะเป็นน้ำมันใสๆ

10.น้ำมันระกำ มีลักษณะเป็นน้ำมันใสๆ มีกลิ่นหอมฉุน

สรรพคุณ : แก้ปวดเมื่อยและเคล็ดขัดยอก











ยาหม่องน้ำ

วัสดุและอุปกรณ์

1.โกร่ง

2.หลอดฉีดยา

3.แก้วน้ำ

4.แท่งแก้วสำหรับใช้คน

5.ขวดสำหรับบรรจุ

ส่วนผสม

1.พิมเสน 1 ช้อนโต๊ะ

2.การบูร 1 ช้อนโต๊ะ

3.เมนทอล 1 ช้อนโต๊ะ

4.น้ำมันคาร์เนชั่น 3 ช้อนโต๊ะ

5.น้ำมันระกำ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

6.เปปเปอร์มินท์ 1 ช้อนโต๊ะ

7.น้ำมันกานพลู 1 ช้อนโต๊ะ

8.น้ำมันอบเชย 1 ช้อนชา

9.สีน้ำมันชนิดผง

ขั้นตอนการทำ

1.นำพิมเสนใส่ลงในโกร่ง แล้วบดให้ละเอียด

2.ใส่การบูรลงไป

3.บดให้เข้ากัน

4.ใส่เมนทอลลงไป

5.ค่อยๆบดให้ละลายเข้ากัน

6.นำส่วนผสมที่ได้เทลงในแก้ว

7.ใส่น้ำมันคาร์เนชั่น น้ำมันระกำ เปปเปอร์มินท์ น้ำมันกานพลู แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

8.หากต้องการให้มีสีสัน ให้ใส่สีน้ำมันชนิดผงลงไปเล็กน้อย คนให้ละลายเข้ากันจนได้สีตามต้องการ

9.บรรจุใส่ลงในขวดสวยงาม

ยาหม่องแห้ง


ยาหม่องแห้งมีลักษณะเป็นครีมสามารถพกพาได้สะดวก ใช้สำหรับทาแก้ปวดเมื่อย และบรรเทาอาการปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย ในปัจจุบันมีการใส่สีสันสวยงามมากขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า

วัสดุอุปกรณ์

1.หม้อ

2.ทัพพี

3.เตาไฟฟ้า

4.กรวยแก้ว

5.โกร่ง

6.แก้วน้ำ

7.แท่งแก้วสำหรับใช้คน

8.ขวดสำหรับบรรจุ

ส่วนผสม

1.พาราฟิน 15 กรัม

2.บีแวกซ์ 10 กรัม

3.วาสลีน 1 ช้อนชา

4.พิมเสน 2 ช้อนโต๊ะ

5.การบูร 3 ช้อนโต๊ะ

6.เมนทอล 3 ช้อนโต๊ะ

7.น้ำมันระกำ 4 ช้อนโต๊ะ

8.เปปเปอร์มินท์ 2 ช้อนโต๊ะ

9.น้ำมันกานพลู 1 ช้อนชา

10.น้ำมันอบเชย 1 ช้อนชา

11.สีน้ำมันชนิดผง

ขั้นตอนการทำ

1.ใส่พิมเสนลงในโกร่งแล้วบดให้ละเอียด

2.ใส่การบูรลงไปแล้วบดให้เข้ากัน

3.ใส่เมนทอลแล้วค่อยๆบดให้ละลายเข้ากัน

4.นำส่วนผสมที่ได้นำใส่แก้ว

5.ใส่น้ำมันระกำ แล้วคนให้เข้ากัน

6.ใส่เปปเปอร์มินท์แล้วคนให้เข้ากัน

7.ใส่น้ำมันกานพลู แล้วคนให้เข้ากัน

8.ใส่น้ำมันอบเชย แล้วคนให้เข้ากัน

9.คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันพักไว้

10.นำพาราฟิน บีแวกซ์ และวาสลีนใส่หม้อซึ่งตั้งไฟอ่อนๆ

11.เมื่อส่วนผสมทั้งหมดหลอมละลายจะมีลักษณะเป็นน้ำ

12.นำส่วนผสมที่เตรียมไว้ในแก้ว เทลงในหม้อที่ตั้งไฟอ่อนๆแล้วคนให้เข้ากัน

13.หากต้องการให้ยาหม่องมีสี ให้ใส่สีน้ำมันชนิดผงลงไปทีละน้อย แล้วคนให้เข้ากัน

14.ตักส่วนผสมใส่ขวดที่เตรียมไว้ จากนั้นห้ามเคลื่อนย้ายขวดยาหม่องจนกว่าจะแน่ใจว่ายาหม่องแห้งจึงปิดฝาได้



ธูปหอมและกำยาน

ธูปหอมเป็นเครื่องหอมเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งของคนไทย ที่มีการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ใช้สำหรับบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหนึ่งในเครื่องสักการะบูชาด้วย

วัสดุอุปกรณ์

1.กระดาษชนวน หรือกระเบื้องแผ่นเรียบที่ดูดซึมน้ำได้

2.ม้าเตี้ยปักธูป คือ ม้าที่มีขนาด 20 × 40 เซนติเมตร เจาะรูห่างกันประมาณ 2 เซนติเมตร ม้า 1 ตัวปักธูป ได้ประมาณ 171 ดอก

3.ชามอ่าง

4.กะละมัง

5.ถ้วยตวง

ส่วนผสม

1.จันทร์เทศ ½ ถ้วยตง

2.จันทร์ขาว ½ ถ้วยตวง

3.ชะลูด 1/3 ถ้วยตวง

4.อบเชย 1 ช้อนโต๊ะ

5.ผิวมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ

6.กำยานบดละเอียด 2 ช้อนชา

7.พิมเสน 1/3 ถ้วยตวง

8.หัวน้ำหอมกลิ่นมะลิ 2 ช้อนชา

9.น้ำอบไทย

10.แป้งข้าวเจ้ากวน

11.สีย้อมผ้า

12.แกนธูป

ขั้นตอนการผสมธูป

1.นำส่วนผสมลำดับที่1-8ใส่กะละมัง

2.ผสมให้เข้ากัน

3.ใส่แป้งข้าวเจ้ากวน

4.ใส่น้ำอบไทยทีละน้อย

5.นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

6.ใส่สีย้อมผ้าที่ผสมน้ำแล้วทีละน้อย

7.นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน

ขั้นตอนการฟั่นธูป

1.นำแกนธูปจุ่มน้ำสะอาด

2.วางแกนธูปบนกระดาษชนวน ให้ก้านธูปอยู่ด้านซ้ายมือ

3.นำผงธูปที่นวดเสร็จแล้วมาหุ้มที่แกนธูป กดให้แน่นไม่ให้มีอากาศอยู่ด้านในเป็นทรงสามเหลี่ยม ไล่จากขนาดโคนเล็กขึ้นมาใหญ่ถึงหัวธูป

4ฟั่นธูปโดยใช้บริเวณอุ้งมือซ้ายคลึงไปมา ให้ผงธูปติดกับแกนธูปจนเนียนเสมอกัน และใช้นิ้วชี้มือขวาช่วยตกแต่งหัวธูปให้เรียบ

5.ปักธูปลงบนม้าเตี้ย เมื่อได้จำนวนตามที่ต้องการแล้ว ให้นำไปผึ่งไอแดดจนแห้ง ขึ้นนวลจึงตากแดดได้ และควรกลับธูปให้ถูกแดดทุกด้านเพื่อธูปจะได้แห้งสนิททั่วทั้งดอก หากนำธูปไปตากแดดจัดทันทีที่ทำเสร็จ จะทำให้ผิวธูปแตก เพราะการถูกความร้อนทันทีจะทำให้ผิวด้านนอกแห้ง ในขณะที่ด้านในจะยังไม่แห้งจึงทำให้เกิดรอยแตกที่ผิวด้านนอกได้

ขั้นตอนการปั้นกำยานหรือธูปสามเหลี่ยม่

1.ธูปที่นวดเสร็จแล้ว

2.นำผงธูปที่นวดเสร็จแล้วมาปั้นเป็นรูปทรงกรวย

3.วางเรียงกันในถาดจนได้จำนวนตามต้องการแล้วนำไปผึ่งไอแดดจนแห้งสนิท

การทำเทียนเจล

เทียนเจลแฟนซี "เทียนเจล" หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำเจลสังเคราะห์มาผ่านความร้อนให้หลอมละลายเป็นของเหลวใส อาจเติมสี น้ำมันหอมระเหย แล้วตักใส่ในภาชนะรูปทรงตามต้องการ เช่น แก้วใส เซรามิก ดินเผา อาจตกแต่งเพื่อให้เกิดความสวยงาม เช่น เปลือกหอย ปลาเรซิน ทรายสี กิ่งไม้แห้ง มีไส้เทียนสำหรับจุดไฟ ทำเป็นของประดับตกแต่งและของที่ระลึก

วัตถุดิบประกอบด้วย
เทียนเจล เกรดเอ เนื้อใสบริสุทธิ์ ( ลักษณะเหมือนเยลลี่ห้ามรับประทาน )
ไส้เทียนแบบมีเส้นลวดอยู่ภายใน ทำจากเส้นด้ายฝ้าย 100 %
สี ( ต้องเป็นสีสำหรับทำเทียนที่ละลายในน้ำมันได้เท่านั้น )
น้ำหอม ( เชื้อน้ำมัน 100% )

พาราฟิน


วัสดุอุปกรณ์
ภาชนะสำหรับต้มเพื่อให้เจลหลอมเหลว เช่น หม้อ หรือ กะทะแบบมีด้ามจับ ฯลฯ
เตา เป็นเตาปิกนิคก็ได้ หรือเตาไฟฟ้าจะดีกว่าเพราะสามารถคุมอุณหภูมิได้
แก้วใสแบบสวยๆหรือแบบแปลกๆ จานรองแก้ว ชามแก้วแล้วแต่ว่าจะทำให้เหมือนอะไร เช่น จะทำเครื่องดื่มก็ใช้แก้วใสธรรมดา ถ้าจะทำไอศครีมก็เลือกใช้แก้วใส่ไอศครีมจะมีลักษณะเป็นแก้วหนาวงรี เป็นต้น
สารภี ช้อน ส้อม
มีด ใช้ตกแต่งผิวงานให้เรียบร้อย
กรรไกร
พิมพ์ขนมแบบต่างๆ
(อุปกรณ์ตกแต่ง แล้วแต่จะสรรหาตามสไตล์ของคุณ แต่ควรเป็นของที่ไม่ติดไฟ )

วิธีทำโดยย่อ
ล้างแก้วที่ต้องการทำชิ้นงานให้สะอาด เช็ดให้แห้งสนิท
ติดไส้เทียนกับแก้วโดยกาว รอสักพักให้กาวแห้ ง
จัดแต่งสิ่งของที่ต้องการตกแต่งภายในแก้ว ตามแบบที่คุณต้องการ
นำเจลมาต้มในภาชนะที่เตรียมไว้ โดยใช้ไฟอ่อน รอจนเนื้อเจล หลอมละลายจนเหลว เบาไฟให้อ่อนที่สุด
หาก ต้องหากต้องการเพิ่มสีสันให้กับเจล นำสีที่ต้องการใส่ผสมลงในเนื้อเจล ( ควรสกิดผงสีใส่ไปทีละน้อยๆ มิฉะนั้นสีจะเข้มมาก )
ใช้ทัพพีหรือช้อนโคนให้ทั่ว แล้วปิดไฟเตา
จากนั้นนำน้ำหอมที่ต้องการใส่ลงในเนื้อเจล แล้วโคนให้ทั่ว ( ไม่ควรใส่น้ำหอมเกินกว่า 3% เพราะน้ำหอมมี คุณสมบัติติดไฟ ถ้าใส่มากเกินไฟอาจลุกบนเนื้อเจลได้ )
เทเนื้อเจลที่เหลวลงในแก้วหรือภาชนะที่ได้จัดเตรียมไว้อย่างระมัดระวัง
หากต้องการใส่สิ่งของแต่งเพิ่มรอประมาณ 2-5 นาที ไม่ควรใช้วัสดุที่ติดไฟได้ใส่ลงไป
รอให้เนื้อเทียนเจลเย็นตัวลง เป็นอันเรียบร้อย

วิธีทำเทียนเจลรูปเบียร์เย็นๆมีฟอง

1 เตรียมแก้วเบียร์ใส 1 ใบ แบบไหนก็ได้ที่คอเบียร์ชอบละครับ ปกติก็จะเป็นแบบมีหูจับ ทำความสะอาดรอไว้
2 นำเจลใส่หม้อหรือกาละมังขึ้นตั้งไฟให้ละลาย ให้ใช้ไฟอ่อน
3 เมื่อละลายแล้วนำสีเหลืองค่อยๆเติมลงไปพร้อมกับคนให้ทั่ว ดูสีให้เหมือนกับสีของเบียร์จริงๆ
4 จากนั้นนี้ก็เติมน้ำหอมกลิ่นที่ชอบลงไป ให้ใส่แต่ทีละน้อยๆอย่าใส่มากเพราะถ้ามากไปเจลจะขุ่น
5 เมื่อเจลเย็นตัวลงจะเริ่มหนืดใช้ส้อมคนเจลให้ฟองอากาศขึ้นให้ดูเหมือนมีฟองอากาศอยู่ภายในแก้วเบีย
6 ทำฟองเบียร์ขาวๆโดยนำพาราฟินมาตั้งไฟให้ละลาย พอเริ่มแข็งตัวใช้ช้อนหรือส้อมก็ได้ขูดให้เป็นฟอง เสร็จแล้วตักใส่แก้วเบียร์
7 จากนั้นก็นำไม้ปลายแหลมเช่นไม้เสียบลูกชิ้น ไม้จิ้มฟัน หรือเหล็กแหลมเสียบลงไปให้เป็นรู นำไส้เทียนสอดเข้าไป
เทียนเจลรูปเบียร์เย็นๆมีฟองเสร็จแล้ว


การทำน้ำยาล้างจาน จากขี้เถ้า



มนุษย์กับเคมี เป็นสิ่งที่คู่กันมาตั้งแต่เกิด จะเป็นการดีมากที่จะหลีกหนีจากเคมี กลับไปสู่ธรรมชาติอีกครั้ง น้ำยาล้างจานก็เช่นกัน ถึงจะบอกว่าปลอดภัยซักเพียงไหนก็ตาม แต่อย่าลืมว่าก็ยังคงทำจากสารเคมีจึงยังคงมีโอกาสอันตรายจากการสะสมในส่วนต่างๆของร่างกาย


จากการทำน้ำยาล้างจานนี้อาศัยภูมิปัญญาจากโบราณ แต่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสามารถใช้งานได้เทียบเท่าน้ำยาล้างจานชั้นนำ ปราศจากเชื้อโรค ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ไม่มีฟองทำให้ประหยัดน้ำและล้างออกง่าย

อีกประการหนึ่ง ขี้เถ้ามีอยู่อย่างมากมายในชีวิตประจำวันของชาวอีสานจึงเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย


เตรียมวัสดุ

1. ขี้เถ้า

2. น้ำเปล่า

3. น้ำมะนาวแท้

4. ผ้ากรอง / ตะแกรงกรองสิ่งสกปรก

5. กระดาษวัดค่า Ph


ขั้นตอนการทำ

1. ใช้น้ำ4ส่วน ผสมกับขี้เถ้า 1 ส่วนคนให้เข้ากัน ปิดฝาทิ้งไว้ 3 วัน

2. ขี้เถ้าจะตกตะกอน ค่อยๆตักน้ำส่วนที่ใส เทใส่ผ้ากรอง

3. นำน้ำขี้เถ้าที่กรองแล้ว ผสมกับน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ใช้กระดาษวัดค่า PH ให้ได้ค่าเป็น 7 (กระดาษจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง)


การใช้งาน

1. นำน้ำที่ผสมเสร็จแล้ว ไปล้างจานได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมน้ำอีก

การทดสอบ ได้ผ่านการตรวจฆ่าเชื้อโรคโดยทำสอบตามกระบวนการตรวจทางวิทยาศาสตร์เป็นเวลา 7 วัน ปรากฏว่าไม่พบเชื้อโรคใดๆ และยังทำให้ภาชนะที่เป็นอลูมิเนียมหรือสแตนเลส เงางามสดใสได้อีกด้วย

การทำแชมพูสระผมสมุนไพร (มะกรูดขว่านหางจระเข้)

ส่วนผสม
1. หัวแชมพู 1 กก.
2. น้ำสะอาด 3 กก. (ถ้าเป็นน้ำที่มีสารคลอรีน ต้องเก็บไว้ 2 วัน)
3. ฟองเส้น 2 ขีด
4. ลาโนลีน ชนิดน้ำ 4 ออนซ์ ถ้าเป็นชนิดผงใช้ 1 ขีด
5. ผงข้น (โซเดียมซัลเฟต) 2-3 ขีด
6. เกลือแกง (ใช้เป็นสารกันบูน) 1 ช้อนโต๊ะ
7. สีผสมอาหาร 1 ซอง หรือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
8. หัวน้ำหอม (กลิ่นมะกรูด) 1/2 ออนซ์ หรือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
9. ว่านหางจระเข้ 1 กก. (ใช้ต้นว่านที่แก่เต็มที่)
10. ลูกมะกรูด 5 ผม
วิธีทำ
ขึ้นเตรียมส่วนผสม
1. เตรียมมะกรูดโดยปอกเปลือกมะกรูดส่วนนอก (สีเขียว) ทิ้งไป แล้วหั่นผลมะกรูดที่ปอกเปลือกแล้วเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปปั่นหรือโขลกให้ละเอียด จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบางจะได้น้ำมะกรูดเข้มข้น
2. เตรียมว่านหางจระเข้ โดยล้างว่านหางจระเข้ให้สะอาดแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที (เพื่อเป็นการล้างยางของว่านที่จะทำให้เกิดอาการคันออกแล้วปอกเปลือกว่านส่วนที่เป็นสีเขียวออก จะเหลือแต่ส่วนที่เป็นวุ้นใส
- นำวุ้นว่านหางจระเข้ปั่นหรือโขลกให้ละเอียด นำไปคั้นและกรองด้วยผ้าขาวบางจะได้น้ำว่านหางจระเข้

ขั้นตอนการทำ
1. ใช้หม้อหรืออ่างเคลือบ(ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นอะลูมิเนียม)ใส่น้ำสะอาด 1 กก. ผสมน้ำว่านหางจระเข้เข้าด้วยกัด นำขึ้นตั้งไฟ
2. ในขณะที่ตั้งไฟไม่ต้องรอให้เดือด ใส่ฟองเส้น, ใส่สี, ใส่เกลือแกงตามสัดส่วนคนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อส่วนผสมเริ่มร้อนจึงใส่ลาโนลีน (ลาโนลีนจะละลายได้ดีในน้ำอุ่น) พอส่วนผสมเดือดประมาณ 5 นาที จึงยกลง
3. เติมน้ำสะอาด 2 กก. ลงในส่วนผสมที่เดือดแล้ว พอส่วนผสมเริ่มเย็นจึงใส่หัวแชมพู แล้วคนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่ผงข้นแล้วคนให้ละลายก่อนจึงใส่หัวน้ำหอม (ตามสูตรนี้ใช้กลิ่นมะกรูด) แล้วคนให้ละลายเช่นเดียวกันเป็นลำดับสุดท้าย
4. บรรจุลงขวด
ปริมาณ
ส่วนผสมจากสูตรนี้ สามารถบรรจุในขวดขนาด 240 ซีซี ได้ 25 ขวด
หมายเหตุ
คุณสมบัติของมะกรูดจะเป็นตัวช่วยให้ผมนิ่มขจัดรังแค แก้คันศีรษะ ว่านหางจระเข้จะช่วยบำรุงเส้นผม รักษาหนังศีษะและเป็นครีมนวดผมด้วย

ร้านฮงฮวด 02-2250127
ส่วนผสมซื่อได้ที่ ร้านหน้าวัดตึก ก่อนขึ้นสะพานพุทธโคราช ร้าน รุ่งโรงน์ เคมีภัณพ์ตรงข้ามโรงบาล ป.แพทย์

การทำสบู่จากน้ำมันพืชที่เหลือใช้

ส่วนประกอบ

1.       น้ำมันที่ใช้แล้ว              8              กิโลกรัม

2.       โซดาไฟ                        1              กิโลกรัม

3.       ภาชนะ                       750             CC.

4.       ภาชนะ เป็นสแตนเลสหรือไม้ หรือใช้แผ่นฟิวเจอร์บอร์ดพับเป็นกล่อง

วิธีทำ

                นำน้ำมันที่ใช้แล้ว 8 กิโลกรัม ใส่ภาชนะที่เป็นสแตนเลสหรือไม้ แล้วนำโซดาไฟ 1 กิโลกรัม ละลายกับน้ำ 750 CC. คนให้เข้ากัน แล้วนำไปเทใส่ในน้ำมันที่เตรียมไว้ เทโซดาไฟที่ละลายน้ำลงไปทีละน้อย คนให้เข้ากันจนเหนียว ทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน จึงนำมาใช้ได้ ส่วนการเติมกลิ่นหรือสี ให้ใชใบชา ตะไคร้ มะกรูดหรือใบเตย แทนสารเคมีตัวอื่นๆ

                น้ำยาล้างจานที่ได้สามารถใช้ล้างมือ ล้างจาน ชาม ได้เป็นอย่างดี และถือเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างดี ถือเป็นสิ่งสำคัญมากในปัจจุบันนี้

 

เครือข่ายมหาวิชชาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสงคราม

โดย คุณสุวรรณา กลั่นแสง โทร.07-1042349

หรือ คุณสรณพงษ์ บัวโรย นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6

สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม

การทำสบู่เหลวและสมุนไพรพื้นบ้าน


การทำสบู่เหลวและสมุนไพรพื้นบ้านที่น่าสนใจ

การทำสบู่เหลว

วัสดุ

๑.น้ำหมักชีวภาพ ๕ ช้อนโต๊ะ ๒.น้ำ ๓ ลิตร

๓.ผงฟอง ( N ๗๐ ) ๒ ช้อนโต๊ะ ๔.ตะไคร้หั่นฝอย ๑๐ ต้น

๕.มะขามเปียก ครึ่งกิโลกรัม

วิธีทำ
๑. นำผงฟองมาละลายกับน้ำ
๒.นำน้ำมาต้ม ใส่ตะไคร้ มะขามเปียกตอนเดือด
๓.เมื่อน้ำเดือดยกลง ทิ้งไว้จนอุ่น กรองเอาแต่กากทิ้ง
๔.นำน้ำที่ได้มาผสมกับผงฟองที่ละลายน้ำแล้วคนให้ทั่ว
๕.เติมน้ำหมักชีวภาพ

ประโยชน์
ใช้อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย

สมุนไพรพื้นบ้านที่น่าสนใจ
กระดังงาไทย: แก้ลมวิงเวียน ชูกำลัง ทำให้รูสึกสดชื่น ปลอดโปร่ง ร่างกายแข็งแรงเสมอ
ใบชา: ทำให้เกิดความชุ่มชื้น ชูกำลัง บำรุงโลหิต ขับลม แก้อาการเสมหะ
ยางกำยาน: บำรุงหัวใจ ทำให้สดชื่น บำรุงร่างกาย
ดอกกรรณิกา: แก้ลมวิงเวียนได้ดี ชูกำลัง ทำให้รูสึกสดชื่น ปลอดโปร่ง ร่างกายแข็งแรงเสมอ
ดอกงิ้ว: แก้อาการประสาท แก้พิษไข้
รากงิ้ว: บำรุงร่างกาย แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน
ดอกจำปา: แก้ลมวิงเวียนได้ดี แก้อ่อนเพลีย บำรุงหัวใจ
ลูกชุมเห็ดไทย: ชูกำลัง ทำให้เกิดความชุ่มชื้น และแก้อาการช้ำบวม
รากตะไคร้ต้นหรือตะไคร้บก: ขับลมที่เกิดในลำไส้
รากมะกรูด: แก้อาการเป็นลม แน่น จุกเสียด ถอนพิษ
มะตูมสุก: แก้ลมจุกเสียด แน่น แก้กระหายน้ำ ขับลม ช่วยย่อยอาหาร
ดอกขิงแห้ง: บำรุงกำลังร่างกาย บำรุงธาตุได้อีก แก้อ่อนเพลีย
หัวถั่วพู: บำรุงกำลังร่างกาย ชูกำลัง แก้อาการอ่อนเพลีย
บัวบก: บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ
รากมะนาว: บำรุงประสาท แก้อาการเป็นไข้ ทำให้กล้ามเนื้อไม่ปวดเมื่อยแต่แข็งแรงดี
กฤษณา: บำรุงกำลังร่างกาย แก้อาการเป็นลม หน้ามืดวิงเวียนได้ดีมาก
แก่นขนุน: บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ดอกคำฝอย: บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง สร้างโลหิตทำให้บริสุทธิ์ บำรุงหัวใจได้ดี ขับประจำเดือน แก้อาการปวดแสบร้อนที่ผิวหนัง
ไมยราบ: บำรุงประสาท กล่อมประสาท จิตใจสดชื่น
ขี้เหล็ก: ป้องกันการระบาย ช่วยจิตใจสดชื่น หลับสบาย ไม่เครียด
ดอกกุหลาบ: บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ สร้างความสดชื่นได้ดี
ลูกมะขามป้อมแก่: แก้อาการเป็นลม มีไข้ แก้เสมหะมาก
ลูกสมอเทศแก่: แก้เสมหะ ขับลม
รากข่า: แก้อาการมีเสมหะมาก แก้อาการชาแก้โลหิตเสีย
รากกะเพรา: แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ขับลม บำรุงธาตุ แก้จุกเสียด
ขิงสด: แก้อาการเป็นลม จุกเสียด แน่น
เมล็ดพริกไทย: แก้อาการเป็นลม ขับเสมหะได้ดี

ที่ี่มา : http://school.obec.go.th/nongpodang/knowlages.htm#PB16